หลังจากที่ เอริค เทน ฮาก สามารถนำ แมนยู คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าอนาคตของเขายังไม่มีความแน่นอน และมีรายงานออกมาอย่างต่อเนื่องว่าบอร์ดบริหาร “ผีแดง” จะนัดประชุมและตัดสินใจเรื่องนี้ภายในสัปดาห์นี้

กุนซือชาวดัตช์ สร้างแสงสว่างในหัวใจเหล่าแฟนผีโปรเจกต์เมื่อซีซั่นแรกของเขาสามารถนำทีมคว้าแชมป์คาราบาว คัพ และอันดับ 3 ในตารางลีกได้โควตาไปเล่นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

อย่างไรก็ตามฤดูกาล 2023/2024 ทุกอย่างกลับตาลปัตรเพราะทีมฟอร์มห่วยสิ้นดีตกรอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก, จบอันดับ 8 ซึ่งแย่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคพรีเมียร์ลีก และทำให้หลายคนฟันธงว่า เทน ฮาก กระเด็นออกจากเก้าอี้กุนซือ “เร้ด เดวิลส์” แน่นอน

กระนั้นการที่ทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้พร้อมกับโชว์ฟอร์มสุดยอดในการปราบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้เกิดเสียงแตกเพราะหลายคนอยากให้บอร์ดบริหารให้โอกาสเขาอีกครั้ง แต่อีกหลายคนมองว่าแค่แชมป์ถ้วยเก่าแก่สุดในโลกไม่สามารถปกป้องผลงานสุดอนาถทั้งซีซั่นได้ และควรรีบปลดก่อนจะสายเกินไป

เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ลองมาเช็คกันหน่อยว่านับตั้งแต่สิ้นยุค เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งนำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2013 มีผู้จัดการทีมที่ได้รับการแต่งตั้งถาวร 4 รายและอีก 1 รายที่แต่งตั้งชั่วคราวในช่วงกลางซีซั่น ที่ต้องพบกับจุดจบยังไง ก่อนที่จะได้รู้เกี่ยวกับอนาคตของ เทน ฮาก ในเร็วๆ นี้

1. เดวิด มอยส์

ตอนที่ มอยส์ เข้ามารับงานสานต่อจาก “เซอร์เฟอร์กี้” ซึ่งเขาถูกขนามนามว่า “ผู้ถูกเลือก” เนื่องจาก เฟอร์กูสัน อยากได้ นายใหญ่ชาวสกอตแลนด์ รับบททายาทในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การกุมบังเหียนของ มอยส์ ผลงานน่าผิดหวังสิ้นดี เมื่อทีมจบอันดับ 7 ในตารางลีกพร้อมกับมีแค่ 64 คะแนนเท่านั้น ซึ่งอันดับและแต้มเหนือกว่าผลงานของ เทน ฮาก ในฤดูกาลนี้ และสุดท้ายก็ต้องกระเด็นออกจากตำแหน่งหลังคุมทีมไม่ถึงปี

สำหรับเกมสุดท้ายของ มอยส์ ในการกุมบังเหียน “เร้ด เดวิลส์” เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2014 โดยต้นสังกัดแพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2 จากนั้น แมนฯ ยูฯ เลือกแต่งตั้ง ไรอัน กิ๊กส์ ทำหน้าที่ชั่วคราวพร้อมผลงานเก็บได้ 7 แต้มจาก 4 เกมสุดท้ายของซีซั่น

อย่างไรก็ตาม กิ๊กส์ ซึ่งเป็นตำนานดาวเตะแมนฯ ยูฯ เจ้าของฉายา “ปีกพ่อมด” ไม่ได้รับงานคุมทีม และสโมสรตัดสินใจที่จะแต่งตั้งผู้จัดการทีมคนใหม่ในช่วงซัมเมอร์นั้น

2. หลุยส์ ฟาน กัล

สำหรับ ฟาน กัล ได้รับโอกาสเข้ามากุมบังเหียน แมน ฯยูไนเต็ด หลังสร้างผลงานดีมีคุณภาพในการคุมทีมชาติเนเธอร์แลนด์ จนทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล

ฟาน กัล โชว์กึ๋นระดับเทพเมื่อนำทัพ “กังหันลม” ถล่ม สเปน แชมป์เก่า 5-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม และคว่ำ บราซิล 3-0 คว้าอันดับ 3 นั่นทำให้ แมนฯ ยูฯ ปิ๊งไอเดียรีบแต่งตั้งกุนซือจอมเก๋าเข้ามากุมบังเหียนทันที

ช่วงที่ ฟาน กัล คุมทัพบอร์ดบริหารให้การสนับสนุนเรื่องเสริมทัพเต็มที่ โดยเขาตัดสินใจเซ็นสัญญากับ ดาเลย์ บลินด์ และทุ่มเงินเป็นสถิติสโมสร (ตอนนั้น) คว้าตัว อังเคล ดิ มาเรีย มาจาก เรอัล มาดริด

ฤดูกาลแรกของเขากับสโมสรจบลงในอันดับ 4 ซึ่งถือว่าพัฒนาขึ้น ขณะที่ซีซั่นที่สองเจ้าตัวสร้างความยอดเยี่ยมด้วยการปลุกปั้น มาร์คัส แรชฟอร์ด และคว้าตัว อองโตนี่ มาร์กซิยาล มาร่วมทัพ น่าเสียดายที่ทีมพลาดโควตาไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยผลต่างประตูได้เสีย หลังยิงได้แค่ 49 ลูกจาก 38 เกมลีก

อย่างไรก็ตาม ฟาน กัล นำทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ และทำให้เขามีโทรฟี่แชมป์ประดับเกียรติยศ อย่างไรก็ตามแค่ไม่กี่วันหลังจากนั้น สโมสรตัดสินใจปลดเจ้าตัวออกจากตำแหน่งหน้าตาเฉย งานนี้ทำให้เขาโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงและแทบไม่เผาผีกับสโมสรอีกเลย

3. โชเซ่ มูรินโญ่

มูรินโญ่ ก็เหมือนกับ ฟาน กัล ที่สามารถนำความสำเร็จมาสู่ “โรงละครแห่งความฝัน” โดย “เฮียมู” นำสโมสรคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ และ ยูโรปา ลีก ในฤดูกาลแรกซีซั่น 2017/2018 แต่สุดท้ายหลายๆ สิ่งก็เปลี่ยนแปลงไป

นายใหญ่ชาวโปรตุกีส ดูเหมือนจะนำ แมนฯ ยูฯ เดินมาถูกทางเพราะในซีซั่นที่สอง เขาสามารถเบียดลุ้นแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สนุกแต่สุดท้ายก็จบในฐานะพระรอง คว้าอันดับ 2 เท่านั้น ซึ่งฤดูกาลนั้น “เรือใบสีฟ้า” คว้าแชมป์พร้อมทำแต้มเป็นสถิติ 100 คะแนน

เข้าสู่ฤดูกาลที่สาม ซีซั่น 2018/2019 มันคือฝันร้ายของ มูรินโญ่ เมื่อเขาได้คุมทีมเพียงแค่ครึ่งฤดูกาลก่อนจะโดนไล่ออกกลางอากาศ ซึ่งเกมสุดท้ายของเขาก็คือการแพ้ ลิเวอร์พูล ในช่วงต้นเดือนธันวาคม

ตอนนั้น มูรินโญ่ ต้องเก็บเสื้อผ้าออกจากสโมสรพร้อมกับผลงานสุดอนาคตเมื่อตามหลังจากฝูงถึง 19 คะแนน และอยู่ห่างจากอันดับท็อปโฟร์ 11 แต้ม ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บอร์ดบริหารเลือกที่จะไม่ทนกับเขาอีกต่อไป

4. โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

ตอนแรก โซลชา ได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมชั่วคราวหลังสโมสรเฉดหัว มูรินโญ่ ออกจากตำแหน่ง แต่ผลงานในช่วงเริ่มต้นที่แสนสวยหรูทำให้บอร์ดบริหารตัดสินใจแต่งตั้ง “น้าลูกอม” ทำหน้าที่คุมทัพแบบถาวร

นับตั้งแต่ ตำนานซูเปอร์ซับ เข้ามาทำทีมเต็มตัว แมนฯ ยูไนเต็ด มีพัฒนาการที่ดีขึ้นในฤดูกาล 2020/2021 พร้อมกับจบอันดับ 2 ในลีก และทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก แต่หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป

เข้าสู่ซีซั่น 2021/2022 แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บได้ 13 คะแนนจาก 5 เกมแรก แต่อีก 7 แมตช์ต่อมาพวกเขาเก็บชัยชนะได้แค่ 1 เกมลีกเท่านั้น และฝันร้ายที่แสนเจ็บปวดก็เกิดขึ้นเมื่อทีมแพ้ วัตฟอร์ด ยับเยิน 1-4

หากย้อนกลับไปในช่วงที่ โซลชา เข้ามาทำทีมตอนแรกประโยคเด็ดที่เหล่าสาวก “เร้ด อาร์มี่” พร่ำพรรณาในโลกโซเชียลก็คือ “ปลุกปีศาจต้องใช้ปีศาจ” แต่หลังจากนั้นประโยคดังกล่าวก็หายสาบสูญไปตามระเบียบ !!

5. ราล์ฟ รังนิค

รังนิค ได้รับการแต่งตั้งหลัง ไมเคิ่ล คาร์ริค คุมทีมชั่วคราวในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่กุนซือขรัวเฒ่าชาวเยอรมันไม่มีโอกาสได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมถาวร เพราะในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในการรับบทบาทนายใหญ่ขัดตาทัพ ผลงานของเขาก็ย่ำแย่เหลือเกิน

อดีตเทรนเนอร์ชาลเก้ 04 เริ่มต้นเกมแรกด้วยการชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 และแพ้แค่เกมเดียวจาก 13 เกมลีกทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไต่อันดับขึ้นมามีลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างไรก็ตามมีหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปหลังโดน แอตเลติโก มาดริด เขี่ยตกรอบฟุตบอลถ้วยยุโรป

แมนฯ ยูฯ เก็บได้แค่ 7 คะแนนจาก 8 เกมหลังสุดซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดของสโมสรในการเก็บคะแนนยุคพรีเมียร์ลีก หลังจากนั้น รังนิค ได้แสดงความเห็นแบบตรงไปตรงมาเกี่ยวกับปัญหาที่รายล้อมอยู่ในสโมสร แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย

สุดท้าย รังนิค ต้องอำลาสโมสรหลังจบฤดูกาล 2021/2022 พร้อมกับแสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่า แมนฯ ยูฯ มีปัญหาเยอะแยะมากมายที่ต้องสะสาง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้

ทอมเม้ง

สล็อตUDM88 บาคาร่า แทงบอลUDM88
UDM88 สมัครฟรี คลิ๊กเลย ➢ https://fortune88bet1.com/
สอบถามเพิ่มเติม 🆔 𝙇𝙄𝙉𝙀 : @udm888